โรค ไข้ซิกา (Zika fever) เกิดจาการติดเชื้อไวรัสซิกา (Zika Virus-ZIKV) ไวรัสที่มีสารพันธุกรรมชนิด อาร์เอ็นเอสายเดี่ยว อยู่ในตระกูลเฟลวิไวรัส (flavivirus) มีลักษณะคล้ายคลึงกับ ไวรัสไข้เหลือง ไวรัสเดงกี,ไวรัสเวสต์ไนล และไวรัสไข้สมองอักเสบเจอี มียุงลาย ( เช่น Ae. Africanus ,Ae. Apicoargenteus ,Ae. Luteocephalus ,Ae. Aegypti เป็นต้น) เป็นพาหะนำโรค ไวรัสซิกาถูกแยกเชื้อครั้งแรกในปีพ.ศ.๒๔๙๐ (ค.ศ.๑๙๔๗) จากน้ำเหลืองของลิง rhesus ที่ใช้ในการศึกษาไข้เหลืองในป่าชื่อซิกา ประเทศยูกันดา และแยกเชื้อ ได้จากคนในปีพ.ศ.๒๕๑๑ (ค.ศ.๑๙๖๘) ณ ประเทศไนจีเรีย
มีระยะฟักตัว ๔-๗ วัน จากนั้นจะมีอาการ ไข้ปวดศีรษะรุนแรง มีผื่นแบบ maculopapular ที่บริเวณลำตัว แขนขา,วิงเวียน ,เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง ปวดข้อ อาจจะมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต และอุจจาระร่วง
ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๔๙๔ ถึง ๒๕๓๕ มีข้อบ่งชี้ทางน้ำเหลืองวิทยาว่ามีการติดเชื้อไวรัสซิกา ในประเทศกลุ่มแอฟริกา ได้แก่ ยูกันดา, แทนซาเนีย, อียิปต์, อัฟริกากลาง, สาธารณรัฐเซียร์ราลีโอน และกาบอง ในส่วนของเอเชียมีรายงานพบในประเทศอินเดีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย, เวียดนาม และอินโดนีเซีย ล่าสุดในปีพ.ศ.๒๕๕๐ (ค.ศ.๒๐๐๗) ได้รายงานการ ระบาดของไข้ซิกา ในหมู่เกาะแยป
ในประเทศไทย มีผู้รายงานว่าตรวจพบแอนติบอดีชนิดทำลายล้างไวรัสซิกา ในผู้ที่อาศัยในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๖ (ค.ศ.๑๙๖๓) และล่าสุด มีรายงาน ผู้ป่วยหญิงนักท่องเที่ยวจากแคนาดา ซึ่งเดินทางมาประเทศไทยในช่วงเวลา ๒๑ มกราคม-๒ กุมภาพันธ ์๒๕๕๖ และมีอาการภายหลังจากเดินทางกลับถึงประเทศแคนาดาเป็นเวลา ๔ วัน โดยเริ่มป่วย วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ มีอาการไข้อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ กระสับกระส่าย หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดหลัง และปวด ข้อ ได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันการติดเชื้อไวรัสซิกา (Zika virus) ซึ่งขณะนี้กรมควบคุมโรค ยังเฝ้าระวังโรคนี้อยู่
การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อ ทำได้ ๒ วิธีดังนี้ ๑)การตรวจหาสารพันธุกรรม ด้วยวิธีพีซีอาร์ เก็บตัวอย่างน้ำเหลืองเร็วที่สุดหลังจากที่เริ่มมีอาการเจ็บป่วย ซึ่งไม่ควรเกิน ๙ วันหลังมีอาการ และ ๒) การตรวจหาแอนติบอดีชนิดเอ็มที่จำเพาะต่อไวรัสซิกาด้วยวิธีอิไลซ่า ซึ่งเป็นพัฒนาวิธีโดย ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา โดยเก็บตัวอย่าง ๒ ครั้ง ครั้งแรกในวันที่เริ่มมีอาการ และตัวอย่างที่สองห่างจากตัวอย่างแรก 2-3 สัปดาห์ ซึ่งสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข โดยฝ่ายอาโบไวรัส มีแผนการที่จะติดตั้งวิธีการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติโรคไข้ซิกาในเร็วๆ นี้
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันเฉพาะการรักษาจะรักษาตามอาการเพื่อบรรเทาการเจ็บป่วย
ที่มา : http://www.dmsc.moph.go.th/dmsc/news_detail.php?id=1144